วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ประโยชน์กวาวเครือขาว

  1. กวาวเครือขาว
  2. กวาวเครือขาว ชื่อวิทยาศาสตร์: Pueraria candollei Graham ex Benth. var mirifica เป็นพืชในวงศ์ Leguminosae ชื่ออื่นๆ ได้แก่ กวาวเครือ ทองเครือ ทองกวาว ตานจอมทอง จอมทอง กวาวหัว เป็นพืชลงหัว หัวใต้ดิน กลม มีหลายขนาด หัวที่มีอายุมากมีขนาดใหญ่ ที่เปลือก .
  3. กวาวเครือขาว (Pueraria mirifica) หรือ White Kwao Krua กวาวเครือขาวชื่อวิทยาศาสตร์ :Pueraria candollei Graham ex Benth. var mirifica (Airy Shaw et Suvat.) Niyomdham. หรือ Pueraria candollei Graham ex Benth. var candollei จัดเป็นพืชในวงศ์ LEGUMINOSAE หรือวงศ์ FABACEAE และอยู่ในวงศ์ย่อย PAPILIONOIDEAE เช่นเดียวกับ กวาวเครือแดง (Butea superba Roxb.)
  4. สมุนไพรกวาวเครือขาว จัดเป็นไม้เลื้อย หรือพืชในตระกูลถั่ว โดยเป็น 1 ใน 4 ชนิดของกวาวเครือทั้งหมด มีหัวอยู่ใต้ดิน ลักษณะกลม มีหลายขนาด ถ้าหัวที่มีอายุมากอาจหนักถึง 20 กิโลกรัม เมื่อเอามีดผ่าออกจะมียางสีขาวคล้ายน้ำนม เนื้อในจะมีสีขาวคล้ายมันแกว เนื้อเปราะ มีเส้นมาก ส่วนหัวเล็ก เนื้อในจะละเอียด มีน้ำมาก และนิยมเพาะปลูกหรือพบมากทางภาคเหนือและอีสานของประเทศ
    กวาวเครือขาวเป็นสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับเพศหญิง แต่สำหรับเพศชายก็สามารถรับประทานได้เช่นกัน เพราะมีสรรพคุณช่วยทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย และเป็นยาอายุวัฒนะ ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข จัดให้กราวเครือขาวเป็นตัวยาชนิดหนึ่งในตำรับยาบำรุงร่างกาย และได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเป็นตำรับยาแผนโบราณและยาแผนโบราณสามัญประจำบ้าน ซึ่งสามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์
  5. สรรพคุณกวาวเครือขาว มีสารออกฤทธิ์สำคัญที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนของเพศหญิง (Phytoestrogens) ซึ่งได้แก่ miroestrol และ deoxymiroestrol ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นให้ลักษณะความเป็นผู้หญิงออกมา เช่น หน้าอกขยายใหญ่ขึ้นในระยะเวลา 2-3 เดือน ประมาณ 0.5 – 1 นิ้ว ซึ่งกระบวน การเหล่านี้จะทำให้หน้าอกขยายขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับหนึ่งเมื่อหน้าอกกระชับแล้วกระบวนการเหล่านี้ก็จะสิ้นสุดลง และสาร miroestrol ยังช่วยให้เพิ่มความเปล่งปลั่งสดใสให้ผิวพรรณได้อีกด้วย ซึ่งการออกฤทธิ์ดังกล่าวนี้หากใช้ในปริมาณน้อย จะช่วยออกฤทธิ์กระตุ้นในเชิงบวก แต่ถ้าใช้ในปริมาณมากจะออกฤทธิ์ในการยับยั้งเสียเอง โดยฤทธิ์ของกราวเครือขาวนั้นไม่ถาวร ถ้าหยุดรับประทานฤทธิ์ของกราวเครือก็จะค่อยๆหมดไปภายใน 2-3 สัปดาห์ (และการเก็บรักษาที่นานเกินไป 5-10 ปี จะทำให้ฤทธิ์ก็จะค่อยๆเสื่อมลงเช่นกัน)
    กราวเครือขาว ในปัจจุบันมีจำหน่ายในรูปของแคปซูลที่เป็นกระปุกหลากหลายยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่จะรับประทาน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แนะนำ ไม่ควรรับประทานผงกราวเครือขาวเกินวันละ 1-2 mg./ต่อน้ำหนักตัว 1 kg. (หรือรับประทานประมาณวันละ 50-100 mg.) ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนดขนาดในการรับประทานว่าห้ามเกินวันละ 100 mg. สำหรับวิธีการรับประทานแบบแคปซูลส่วนมากจะแบ่งรับประทานเป็นวันละ 2 เวลา เช้า-เย็น ก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง (หรือตอนตื่นกับก่อนนอน) และเว้นช่วงที่มีประจำเดือนหรือต้องรอให้ประจำเดือนหมดก่อนแล้วค่อยเริ่มรับประทาน สำหรับผู้ที่รับประทานยาคุมแบบ 21 เม็ดก็ให้เว้นในช่วง 7 วันที่หยุดกิน แต่ถ้าเป็นแบบ 28 เม็ดก็ให้เว้นการรับประทานในช่วงที่กินเม็ดแป้ง 7 เม็ด (แต่อีกตำราบอกว่าไม่ควรรับประทานกราวเครือร่วมกับยาคุมกำเนิด เพราะอาจจะทำให้เกิดผลที่ขัดแย้งกัน ควรเลือกรับประทานอย่างใดอย่างหนึ่ง) หรืออีกวิธีใช้ผงกราวเครือขาวผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกขนาดเท่าเมล็ดพริกไทยรับประทานวันละ 1 เมล็ด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น